ด้านนายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการ สศก. กล่าวถึงรายละเอียดสินค้าในแต่ละสาขาว่า สำหรับสาขาพืช หดตัว ร้อยละ 6.4 โดยกลุ่มสินค้าพืชที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ลำไย ทุเรียน มังคุด และ เงาะ โดยข้าวนาปี ผลผลิตลดลงในทุกภูมิภาคเนื่องจากในช่วงฤดูเพาะปลูกมีปริมาณฝนตกน้อย เกิดปัญหาฝนทิ้งช่วงและการขาดแคลนน้ำ ทำให้เกษตรกรบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว ข้าวนาปรัง ผลผลิตลดลงตามเนื้อที่เพาะปลูกที่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่างหรือปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยหรือพืชผักแทน มันสำปะหลัง ผลผลิตลดลง เนื่องจากเกษตรกรขาดแคลนท่อนพันธุ์จากสถานการณ์หัวมันเน่าตั้งแต่ปี 2565 และท่อนพันธุ์ดีมีราคาสูง ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งตั้งแต่ต้นปี 2566 ทำให้เกษตรกรบางรายปล่อยพื้นที่ให้ว่างหรือปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น สับปะรด ยางพารา ข้าวโพดหวาน และข้าวโพดเมล็ดพันธุ์ นอกจากนี้ ภาวะแห้งแล้งยังทำให้ต้นมันสำปะหลังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ส่งผลให้มีผลผลิตต่อไร่ลดลง อ้อยโรงงาน ผลผลิตลดลง เนื่องจากความแห้งแล้งและภาวะฝนทิ้งช่วง ประกอบกับราคาปุ๋ยและสารเคมีีกำจัดศัตรูพืชยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้้เกษตรกรมีการดูแลและบำรุงต้นอ้อยน้อยกว่าปีที่่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ลดลง ยางพารา ผลผลิตลดลง เนื่องจากพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญทางภาคใต้ยังคงมีการระบาดของโรคใบร่วงยางพารา ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้ต้นยางพาราให้น้ำยางลดลง ปาล์มน้ำมัน ผลผลิตลดลง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งตั้งแต่ปี 2566 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2567 ประกอบกับมีปริมาณน้ำฝนน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมัน ส่งผลให้ต้นปาล์มไม่สมบูรณ์ ทำให้น้ำหนักทะลายปาล์มลดลง ลำไย ผลผลิตลดลง โดยผลผลิตที่ออกสู่ตลาดในช่วงนี้มาจากแหล่งผลิตหลักในภาคตะวันออก ซึ่งเกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ลำไยไปปลูกทุเรียน ประกอบกับสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ทำให้ต้นลำไยขาดน้ำ และมีการออกดอกติดผลลดลง ทุเรียน ผลผลิตลดลง เนื่องจากสภาพอากาศร้อน ไม่เอื้ออำนวยต่อการออกดอกติดผลของทุเรียนนอกฤดูทางภาคใต้ ทำให้ผลทุเรียนไม่สมบูรณ์ มีขนาดเล็กน้ำหนักน้อย รูปทรงไม่สวยงาม มีผลผลิตไม่เต็มต้น แม้ว่าเนื้อที่ให้ผลจะเพิ่มขึ้นจากการที่เกษตรกรขยายเนื้อที่ปลูกเพราะราคาอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในภาพรวมผลผลิตยังคงลดลง มังคุด และ เงาะ ผลผลิตลดลง เนื่องจากการตัดโค่นต้นมังคุดและเงาะไปปลูกทุเรียน ทำให้เนื้อที่ให้ผลในแหล่งผลิตสำคัญทางภาคตะวันออกและภาคใต้ลดลง ประกอบกับสภาพอากาศแห้งแล้ง ปริมาณฝนน้อย ทำให้ต้นมังคุดและเงาะได้รับน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้มังคุดและเงาะนอกฤดูออกดอกติดผลน้อยลง
สินค้าพืชที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสับปะรดปัตตาเวีย โดย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จูงใจให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 ซึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตในไตรมาส 1 ปี 2567 ประกอบกับเกษตรกรมีความรู้และมีทักษะในการเพาะปลูกมากขึ้น ทำให้ได้ปริมาณผลผลิตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สับปะรดปัตตาเวีย ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงปลายปี 2566 ต้นสับปะรดขาดน้ำในช่วงเพาะปลูก ทำให้ผลเจริญเติบโตช้าและมีขนาดเล็ก ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตบางส่วนเลื่อนมาอยู่ในไตรมาส 1 ปี 2567
สาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 1.5 โดยสินค้าปศุสัตว์ที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ สุกร ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นฟูฟาร์มสุกร หลังการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และการยกระดับมาตรฐานการผลิตให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ประกอบกับช่วงปีที่ผ่านมาราคาสุกรอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณการผลิตสุกร และ ไก่เนื้อ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สินค้าปศุสัตว์ที่มีผลผลิตลดลงได้แก่ ไข่ไก่ ผลผลิตลดลง เนื่องจากมีการปรับลดแม่ไก่ยืนกรงตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) เพื่อให้มีผลผลิตเหมาะสมกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ และ น้ำนมดิบ ผลผลิตลดลง เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมบางรายเลิกเลี้ยงหรือปรับลดจำนวนโคในฝูงลง
สาขาประมง ขยายตัวร้อยละ 0.5 โดยสินค้าประมงที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ กุ้งขาวแวนนาไม ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี ประกอบกับเกษตรกรเร่งจับกุ้งเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในช่วงเทศกาลตรุษจีน สัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าเทียบเรือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตหลักของการทำประมงทะเลปรับลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการออกเรือจับสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น สินค้าประมงที่มีผลผลิตลดลง คือ ปลานิลและปลาดุก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความแห้งแล้งทำให้มีปริมาณน้ำน้อย ส่งผลให้เกษตรกรชะลอการเลี้ยง และลดปริมาณการปล่อยลูกปลา
สาขาบริการทางการเกษตร หดตัวร้อยละ 3.6 เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญตั้งแต่ปี 2566 ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำ ไม่เพียงพอ เกษตรกรบางส่วนจึงปล่อยพื้นที่เพาะปลูกให้ว่าง ส่งผลให้กิจกรรมการจ้างบริการเตรียมดินและเก็บเกี่ยวผลผลิตพืชที่สำคัญลดลง อาทิ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงานและสาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 1.8 โดยผลผลิตไม้ยางพารา เพิ่มขึ้นตามพื้นที่การตัดโค่นพื้นที่สวนยางพาราเก่าและปลูกทดแทนด้วยยางพาราพันธุ์ดีหรือพืชเศรษฐกิจอื่น ซึ่งไม้ยางพารายังคงเป็นที่ต้องการของตลาดจีนเพื่อการใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ สำหรับผลผลิตถ่านไม้ เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจภาคบริการและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่ผลผลิตไม้ยูคาลิปตัส ครั่ง และรังนก มีแนวโน้มลดลง
ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
E-mail : nabc@nabc.go.th
เบอร์โทร : 0-2579-8161
หากมีข้อสงสัยในการเข้าสู่ระบบ ติดต่อที่ e-mail:
nabc@nabc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ |
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | แผนผังเว็บไซต์
สงวนลิขสิทธิ์ © 2022 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์