1) ชนิดหวาน เป็นมันสําปะหลังใช้เพื่อการบริโภค มีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคต่ําไม่มีรสขม สามารถใช้หัวสดทํา อาหารได้โดยตรง เช่น นําไปนึ่ง เชื่อม หรือทอด ซึ่งได้แก่ พันธุ์ห้านาที พันธุ์ระยอง 2 เป็นต้น
2) ชนิดขม เป็นมันสําปะหลังที่มีรสขม ไม่เหมาะสมสําหรับการบริโภคของมนุษย์หรือใช้หัวสดเลี้ยงสัตว์โดยตรง เนื่องจากมีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูง มีความเป็นพิษต่อร่างกาย ต้องนําไปแปรรูปเป็นมันอัดเม็ดหรือมันเส้นแล้วจึงนําไปเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งได้แก่ พันธุ์ระยอง 1, ระยอง 2, ระยอง 5, ระยอง 60,ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50
สําหรับมันสําปะหลังที่ปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชนิดขม เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมโดยพันธุ์ ที่ปลูกกันมาก
คือพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพันธุ์ที่มีการนําเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ต่อมากรมวิชาการเกษตรและมหาวิทยาลัย ได้มีการปรับปรุงพันธุ์และแนะนําให้เกษตรกรนําไปปลูกจํานวน 7 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ระยอง 1, พันธุ์ระยอง 2, พันธุ์ระยอง 5, พันธุ์ระยอง 60, พันธุ์ระยอง 90 และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50
มันสําปะหลังพันธุ์ต่างๆ
1) พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์เกษตรศาสตร์50
เป็นพันธุ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลําต้นโค้งเล็กน้อย สีเขียวเงิน สูง 180-250เซนติเมตร แตกกิ่งระดับแรกที่ความสูง 80-150 เซนติเมตร ผลผลิตเฉลี่ย 4ศ4 ตันต่อไร่ มีแป้งเฉลี่ย 23 เปอร์เซ็นต์ในฤดูฝน และ 28 เปอร์เซ็นต์ในฤดูแล้งต้นพันธุ์เก็บไว้ได้นานประมาณ 30 วันหลังจากตัดต้น
ลักษณะเด่น
– ผลผลิตสูง
– เปอร์เซ็นต์แป้งสูง 23% ในฤดูฝนและ 28% ในฤดูแล้ง
– ต้นพันธุ์เก็บไว้ได ประมาณ 30 วันหลังจากตัดต้น
2) พันธุ์ระยอง 1
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 1
เป็นพันธุ์ที่นําเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ปลูกครั้งแรกทางภาคใต้ของประเทศไทย ในบริเวณพื้นที่ปลูกยางพารา ต่อมามีผู้นําไปปลูกในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทําแป้งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น พันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ยอดขาว ในปี 2509 สถานีกสิกรรมห้วยโป่ง จังหวัดระยอง(ปัจจุบันเป็นศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง) ได้รวบรวมพันธุ์มันสําปะหลังจากท้องถิ่นต่างๆ ในภาคตะวันออกเป็นครั้งแรกทําการคัดเลือกและเปรียบเทียบผลผลิต พบว่าพันธุ์ระยองให้ผลผลิตสูงสุด ปี 2518 กลุ่มนักวิชาการผู้ปฏิบัติงานวิจัยตั้งชื่อให้ว่า พันธุ์ระยอง 1 และแนะนําพันธุ์ โดยกรมกสิกรรม เมื่อปี 2500
ลักษณะเด่น
– ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวน เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ กัน
– ผลผลิตและคุณภาพ ผลผลิตหัวสดประมาณ 4,150 กิโลกรัมต่อไร่ มีแป้ง 18.
– ลักษณะประจําพันธุ์ยอดสีม่วง ใบที่เจริญเต็มที่สีเขียวปนม่วง ก้านใบสีเขียวปนม่วงยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นแบบใบหอกปลายมน (oblongceolate) มีแฉก 3, 5, 7 หรือ 9 แฉกใบกว้าง 2.6-4.8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 17 เซนติเมตร ขอบตาหรือขอบใบ (leat scar) นูนใหญ่ห่างกันประมาณ 3-5 เซนติเมตร ลําต้นสีเขียวปนเทา หัวมีลักษณะเรียวยาว ผิวเรียบ เปลือกสีน้ําตาลอ่อน เนื้อในสีขาวความสูงของต้น 2.5-3.5 เซนติเมตร การแตกกิ่ง แตกกิ่งน้อยประมาณ 3 ระดับ ระดับแรก สูงจากพื้นดินประมาณ 200 เซนติเมตร กิ่งทํามุมกับลําต้น 15-30 องศา เก็บเกี่ยวอายุ 12 เดือน
– ความต้านทานโรค ต้านทานโรคใบไหม้ปานกลาง
– ฤดูปลูกที่เหมาะสม ต้นฤดูฝน เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ปลายฤดูฝน เดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม
3) พันธุ์ระยอง 2
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 2
วันที่รับรอง : 16 กรกฎาคม 2527
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : เป็นพันธุ์ที่ได้คัดจากเมล็ดพันธุ์ลูกผสม นํามาจาก CIAT ประเทศโคลัมเบีย ปลูกคัดเลือกที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ตั้งแต่ปี 2519 นําต้นที่คัดเลือกจากเมล็ด มาปลูกแบบต้นต่อแถว คัดเลือกได้สายพันธุ์CM. 305-21 ให้ผลผลิตหัวสด และมีค่าดัชนีการเก็บเกี่ยวสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1
ลักษณะเด่น
– เป็นประเภทรับประทาน ไม่เหมาะสําหรับอุตสาหกรรมทําแป้ง เพราะจะสู้ระยอง 3 ไม่ได้
– เนื้อมันสด มีคุณค่าทางอาหารสูง (โปรตีน แคโรทีน และวิตามินเอ สูงกว่าพันธุ์ระยอง 1)
– เหมาะสําหรับทําอาหารรับประทาน เช่น ทํามันทอดได้ดี เพราะหั่นง่าย ทอดแล้วกรอบ
ไม่แข็ง รสชาติดี โดยเฉพาะถ้าเก็บเกี่ยวในอายุที่เหมาะสม (8 เดือน) จะทํามันทอดได้คุณภาพดี
เนื้อหัวสีเหลือง เนื้อเหนียว นอกจากนั้นมีแนวทางว่าจะใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี เพราะคุณค่าทางอาหารสูง
ถ้าผลผลิตมีเหลือมากอาจใช้ทําแป้งได้ แต่เปอร์เซ็นต์แป้งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ํา ควรใช้ทําอาหารสัตว์
จะได้ประโยชน์มากกว่า
– ผลผลิตหัวสดสูงใกล้เคียงกับพันธุ์ระยอง 1 คือ ผลผลิตเฉลี่ย 4,161 กกศ/ไร่ (ระยอง 1=4,151 กกศ/ไร่)
ลักษณะทางการเกษตรยอดสีเขียวอ่อน ใบแรกที่เจริญเต็มที่สีเขียวอ่อน ก้านใบสีเขียวอ่อนปนแดง ลําต้นสีน้ําตาลอ่อนหัวเปลือกมีสีน้ําตาลอ่อน เนื้อในจะมีสีเหลืองอ่อน ความสูงของต้นประมาณ 285 ซมศ อายุเก็บเกี่ยว
ถ้านํามารับประทาน 8 เดือน ส่งโรงงานประมาณ 10-12 เดือน
ข้อจํากัด
คุณภาพของหัวในการทําอาหาร จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ถ้าแห้งแล้งคุณภาพไม่ดีจึงต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่ไม่แห้งแล้ง หรือมีการให้น้ํา
ความต้านทานต่อโรคและแมลง
ต้านทานโรคใบไหม้ปานกลาง
4) พันธุ์ระยอง 3
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 3
วันที่รับรอง : 18 พฤษภาคม 2526
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : ได้มาจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ Mmex 55 กับพันธุ์Mven 307 เรียกชื่อคู่ผสมนี้ว่า CM.407 นําเมล็ดลูกผสมมาจาก CIAT ประเทศโคลัมเบีย ปลูกคัดเลือกที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองลักษณะลําต้นค่อนข้างเตี้ย การเกิดของหัวรวมกันแน่น ทําให้ขุดง่ายเมื่อเก็บผลผลิต
ลักษณะเด่น
-ผลผลิตแป้งสูงถึง 914 กกศ/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ถึง 19.8% เหมาะสําหรับอุตสาหกรรมทําแป้งและอาหารสัตว์
-เปอร์เซ็นต์แป้งหัวสดมีแป้งสูง 23.4% ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ซึ่งมีแป้งเพียง 18.3%ทําให้พันธุ์ระยอง 3 ขายได้ราคาสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 เฉลี่ยตันละ 100 บาท
-ให้ผลผลิตมันเส้นหรือมันแห้ง สูงถึง 1,486 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1ถึง 11.5% จึงเหมาะสําหรับการทํามันเส้น
-เปอร์เซ็นต์มันแห้งหรือมันเส้น หัวสดทําเป็นมันเส้นได้มากกว่า 38.2% เทียบกับหัวสดพันธุ์ระยอง 1 ซึ่งทํามันเส้นได้ 31.5% ทําให้ลดต้นทุนในการผลิตมันเส้นได้
-ค่าดรรชนีเก็บเกี่ยวหรือสัดส่วนระหว่างน้ําหนักหัวสดกับน้ําหนักทั้งต้นของพันธุ์ระยอง 3สูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 หมายความว่า มีหัวมากกว่าส่วนลําต้นและใบ แสดงว่ามีการใช้ธาตุอาหารอย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าพันธุ์ระยอง 1
-มีกรดไซยานิคต่ํากว่าพันธุ์ระยอง 1 เหมาะกับการใช้ส่วนของลําต้นทําประโยชน์ได้ทั่วไป
-ความสูงเพียง 174 ซมศ เทียบกับพันธุ์ระยอง 1 สูง 282 ซมศ ทําให้การปฏิบัติดูแลรักษาการตัดต้น ทําได้สะดวก
-มูลค่าผลผลิต เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตแป้งสูง จึงทําให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายหัวสดสูงขึ้น โดยซื้อขายตามราคาเปอร์เซ็นต์แป้ง
ลักษณะทางการเกษตร
ยอดสีเขียวอ่อน ใบแรกที่เจริญเต็มที่สีเขียวอ่อน ก้านใบสีเขียวอ่อนปนแดง แผ่นใบแหลม
แบบใบหอก ลําต้นสีน้ําตาลอ่อน หัวเปลือกมีสีน้ําตาลอ่อน เนื้อในสีขาว ความสูงของต้นประมาณ 173 ซมศ
การแตกกิ่งประมาณ 3 ระดับ ลักษณะการเกิดของหัวจะรวมกันแน่น อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 12 เดือน
ขยายพันธุ์ด้วยลําต้น
ข้อจํากัด
ไม่ควรปลูกช่วงฝนตกหนักหรือแล้งจัด จะมีโอกาสตายมากและผลผลิตต่ํา และพันธุ์ระยอง 3
นี้จะตอบสนองต่อดินที่มีความอุดมสมบูรณ์
ความต้านทานต่อโรคและแมลง
ต้านทานต่อโรคใบไหม้ปานกลาง
5) พันธุ์ระยอง 5
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 5
วันที่รับรอง : 28 ตุลาคม 2537
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : ได้มาจากการผสมพันธุ์และคัดเลือกที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง เมื่อปี 2525 ระหว่างพันธุ์ 27-77-10 กับพันธุ์ระยอง 3 นําเมล็ดมาเพาะและปลูกคัดเลือก เปรียบเทียบเบื้องต้น เปรียบเทียบมาตรฐาน เปรียบเทียบในท้องถิ่น เปรียบเทียบในไร่เกษตรกร และนํามาทดสอบในไร่เกษตรกร จนได้พันธุ์ดี
ลักษณะเด่น
– ให้ผลผลิตหัวสดสูง 4,420 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 3 ระยอง 60ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 เท่ากับ 23, 9, 4, 12 และ 9 เปอร์เซ็นต์ตามลําดับ
– ให้ผลผลิตแป้งสูง 1,027 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 3 ระยอง 60ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 เท่ากับ 44, 35, 21, 6 และ 8 เปอร์เซ็นต์ตามลําดับ
– ให้ผลผลิตมันแห้งสูง 1,554 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 3 ระยอง 60ระยอง 90 แลเกษตรศาสตร์ 50 เท่ากับ 23, 37, 11, 9 และ 7 เปอร์เซ็นต์ตามลําดับ
– ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
– มีความงอกดีและอยู่รอดจนถึงการเก็บเกี่ยวสูง 93 เปอร์เซ็นต์
พื้นที่แนะนํา
เป็นมันสําปะหลังที่มีเสถียรภาพในด้านการให้ผลผลิตดี ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดี
สามารถปลูกได้ทั้งภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นแหล่งปลูกมันสําปะหลังของประเทศ
ข้อควรระวัง
เป็นโรคใบไหม้ได้ง่ายกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่อาการไม่รุนแรงถึงตาย
6) พันธุ์ระยอง 7
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 7
ประวัติ: มันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 7 ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างพันธุ์CMR30-71-25กับพันธุ์ OMR29-20-118 ในปี 2535 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ตําบลห้วยโป่ง อําเภอเมือง จังหวัดระยองได้ผ่านการคัดเลือกพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง และทําการประเมินพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ สถานีทดลองพืชไร่
และไร่เกษตรกร รวม 13 จังหวัด แปลงทดลอง รวม 51 แปลง ระยะเวลาการทดลอง 12 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ 2535-2547
ลักษณะเด่น
-ปลูกปลายฤดูฝนได้ดีเนื่องจากให้ความงอกเร็ว เปอร์เซ็นต์การงอก และเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงกว่าพันธุ์มาตรฐานที่เกษตรกรนิยมปลูกทุกพันธุ์
-ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์มาตรฐานที่เกษตรกรนิยมปลูกทุกพันธุ์ โดยให้ผลผลิตหัวสด 6.08ตันต่อไร่ ให้ผลผลิตแป้ง 1.71 ตันต่อไร่ และให้ผลผลิตมันเส้น 2.35 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ระยอง 90 ระยอง 5เกษตรศาสตร์ 50 และระยอง 72 ตามลําดับ
-ให้ปริมาณแป้งในหัวสดสูงกว่าพันธุ์มาตรฐานที่เกษตรกรนิยมปลูกทุกพันธุ์ โดยให้ปริมาณแป้งในหัวสด 27.7 เปอร์เซ็นต์
ข้อควรระวัง
-ถ้าปลูกในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ําและเกิดภาวะแล้งยาวนาน หลังจากได้รับน้ําฝนอีกครั้งจะเกิดการแตกตา
ตามลําต้นมากกว่าในสภาพปกติ ดังนั้น การนําลําต้นดังกล่าวไปเป็นท่อนพันธุ์ ควรปลูกในขณะที่ดินมีความชื้นสูง จะได้ต้นมันสําปะหลังที่มีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงเหมือนกับใช้ท่อนพันธุ์สภาพปกติ
7) พันธุ์ระยอง 9
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 9
ประวัติ: มันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 9 เป็นลูกผสมปี 2535 ได้จากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ CMR31-19-23 เป็นแม่ และ OMR29-20-118 เป็นพ่อผสมพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง และประเมินศักยภาพของพันธุ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งสิ้น 38 แปลงทดลอง ระหว่างปี 2535-2542 พบว่า สายพันธุ์ระยอง 9 ให้ผลผลิตแป้งและผลผลิตมันแห้งสูง ในปี 2544-2547 ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองจึงร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ในการประเมินผลผลิตเอทานอล จากสายพันธุ์ระยอง 9 ร่วมกับลูกผสมชุดเดียวกันนี้อีก 2 สายพันธุ์เปรียบเทียบกับพันธุ์มาตรฐาน ได้แก่ ระยอง 5 ระยอง 72 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ในระดับห้องปฏิบัติการ โดยใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบ แล้วคัดเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเอทานอลสูงจากการทดลองระดับห้องปฏิบัติการ 2 พันธุ์ คือ สายพันธุ์ระยอง 9 และพันธุ์ระยอง 90 ไปทดลองผลิตเอทานอลในระดับโรงงานต้นแบบขนาดกําลังผลิต 1,500 ลิตร ที่ใช้หัวสดเป็นวัตถุดิบ พบว่า สายพันธุ์ระยอง 9 ให้ผลผลิตเอทานอลสูงกว่าพันธุ์ระยอง 90 สายพันธุ์ระยอง 9 จึงเหมาะสําหรับอุตสาหกรรมเอทานอล และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ ได้แก่ แป้งมัน มันเส้น และมันอัดเม็ด
ลักษณะเด่น
-ผลผลิตแป้งและผลผลิตมันแห้งสูง 1.24 และ 2.11 ตันต่อไร่ ตามลําดับ
-ให้ผลผลิตเอทานอลสูงทุกอายุเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บเกี่ยวอายุ 8 เดือน 12 เดือนและ 18 เดือนให้เอทานอล 191 208 และ 194 ลิตร จากหัวสด 1 ตัน ตามลําดับ
-ทรงต้นดี สูงตรง ได้ต้นพันธุ์ยาวขยายพันธุ์ได้มาก อัตราขยายพันธุ์สูงกว่า 1 : 8
-เป็นโรคใบพุ่มน้อยกว่าพันธุ์มาตรฐานทุกพันธุ์
พื้นที่แนะนํา
มันสําปะหลังสายพันธุ์ระยอง 9 ปลูกในพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังได้ทั่วไป ศักยภาพในการให้ผลผลิตขึ้นกับศักยภาพของพื้นที่และการดูแลรักษา
ข้อควรระวัง
ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 1 ปี เนื่องจากสายพันธุ์ระยอง 9 มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูงแต่สะสมน้ําหนักช้า ถ้าเก็บเกี่ยวเร็วจะให้ผลผลิตหัวสดต่ํากว่าพันธุ์มาตรฐานอื่นๆ
8) พันธุ์ระยอง 11
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 11
วันที่รับรอง : 07 พฤษภาคม 2553
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : มันสําปะหลังพันธุ์ CMR35-22-196 เป็นลูกผสมที่พัฒนาขึ้นในปี พ.ศ 2535 ที่เริ่มดําเนินการจากการผสมข้ามระหว่างพันธุ์แม่ ซึ่งให้ผลผลิตสูงคือ พันธุ์ระยอง 5 และพันธุ์พ่อซึ่งมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง คือพันธุ์ OMR29-20-118 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง อําเภอเมือง จังหวัดระยองหลังจากผ่านการคัดเลือกพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองแล้ว ได้นําไปประเมินผลที่ศูนย์วิจัยฯ และไร่เกษตรกรจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตมันสําปะหลังที่สําคัญรวม 14 จังหวัด มีจํานวนแปลงทดลองตั้งแต่ขั้นตอนคัดเลือกพันธุ์จนถึงทดสอบพันธุ์ซึ่งดําเนินการในปี พ.ศ 2535-2548 รวมทั้งสิ้น 60 แปลง นําข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่นถึงทดสอบพันธุ์จํานวน 53 แปลง มาใช้ในการเสนอขอรับรองพันธุ์ สรุปทําการคัดเลือกและประเมินพันธุ์ตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ 2535-2552 รวมระยะเวลา 17 ปี
ลักษณะเด่น
-ให้ผลผลิตหัวสดเฉลี่ย 4.44 ตันต่อไร่ มีแป้ง 26.1 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะเด่น คือ มีเปอร์เซ็นต์แป้งและผลผลิตแป้งเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์มาตรฐานทุกพันธุ์โดยมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 5 ระยอง 9 ระยอง 72 และเกษตรศาสตร์ 50 คิดเป็น 3.9, 1.4, 4ศ9 และ 3.2 % ตามลําดับ และผลผลิตแป้งเฉลี่ยสูงกว่าคิดเป็นร้อยละ 16, 2, 7 และ 11 ตามลําดับ ช่วยให้เกษตรกรขายหัวมันได้ราคาสูงและภาคอุตสาหกรรมมีวัตถุดิบคุณภาพดี ทําให้ต้นทุนการผลิตลดลง
-ต้านทานต่อโรคใบไหม้และโรคใบจุดสีน้ําตาลดีกว่าพันธุ์ระยอง 1 ระยอง 9 และระยอง 90
ลักษณะทั่วไป
ลําต้นสีเขียวเงินมีความสูง 192 เซนติเมตร ก้านใบสีเขียวอมแดงมีความยาว 15-20 ซม ยอดอ่อนสีม่วง หัวมันสําปะหลังภายนอกสีน้ําตาลเข้ม มีเนื้อภายในสีขาว ผลผลิตหัวสด 4.44 ตันต่อไร่เปอร์เซ็นต์แป้ง 26.1 ผลผลิตแป้ง 1.17 ตันต่อไร่ เปอร์เซ็นต์มันแห้ง 42.8 ผลผลิตมันแห้ง 1.90 ตันต่อไร่ระดับการเข้าทําลายของไรแดง เพลี้ยแป้ง และแมลงหวี่ขาว 3.4 2.1 และ 2.0 ตามลําดับ
พื้นที่แนะนํา
ให้ผลผลิตได้ดีในพื้นร่วนเหนียวปนทรายหรือดินร่วนปนทราย ที่มีสภาพดินเป็นกรดอ่อนๆถึงเป็นด่างอ่อนๆ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ในระดับปานกลาง (ปริมาณอินทรียวัตถุสูงกว่า 1%) ตัวอย่างเช่น ชุดดินวังไฮ ชุดดินตาคลี และชุดดินกําแพงแสน
ข้อควรระวัง : ควรเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 1 ปี เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง
แต่สะสมน้ําหนักช้าถ้าเก็บเกี่ยวเร็วจะให้ผลผลิตหัวสดต่ํากว่าพันธุ์มาตรฐานอื่นๆ
9) พันธุ์ระยอง 60
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 60
วันที่รับรอง : 30 กันยายน 2530
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : ในปี พศศศ 2524 สาขาพืชหัวโดยศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ได้ทําการผสมพันธุ์
มันสําปะหลังเพื่ออายุเก็บเกี่ยวสั้น ต้นฝน ปลายฝน จํานวน 89 คู่ผสม นําเมล็ดที่ได้ไปเพาะ เพื่อปลูกคัดเลือกพันธุ์
ได้จํานวน 6,839 ต้น สายพันธุ์ CMR 24-63-43 เป็นพันธุ์หนึ่งจากลูกผสมระหว่างพันธุ์ Mcol 1684 กับพันธุ์ระยอง 1
ลักษณะดีเด่น
สะสมน้ําหนักหัวสดได้เร็วโดยเมื่อเก็บเกี่ยวอายุ 8 เดือน ผลผลิตหัวสด สูงกว่าระยอง 1 ถึง 24.5% ผลผลิตแป้งสูงกว่าระยอง 1 ถึง 31.3% ผลผลิตมันเส้นสูงกว่าระยอง 1 ถึง 41.9% ผลผลิตต่อวันสูงกว่าระยองถึง 24.8% ค่าดัชนีการเก็บเกี่ยวสูงกว่าระยอง 1 ถึง 21.8%
ลักษณะทางการเกษตร
ยอดอ่อนสีเขียวปนม่วง ใบแรกที่เจริญเติบโตเต็มที่มีสีเขียวปนม่วง ก้านใบสีเขียวปนม่วงยาวประมาณ 25-30 ซมศ แผ่นใบมีลักษณะแบบใบหอก (lanceolate) ลําต้นสีน้ําตาลอ่อน มีลักษณะเปลือกของหัวส่วนนอกสีน้ําตาลอ่อน เนื้อในสีขาวครีม ความสูงของต้นประมาณ 275 ซมศ มีการแตกกิ่งจํานวน 3 ระดับระดับแรกสูงจากพื้นดินประมาณ 170 ซมศ กิ่งทํามุมกับลําต้นประมาณ 45-60 องศา อายุเก็บเกี่ยว 8-12 เดือนขยายพันธุ์ด้วยลําต้น ให้ผลผลิตดีในภาคตะวันออก
ผลผลิต
ผลผลิตหัวสดเมื่ออายุ 8 เดือน 3,148 กก./ไร่ (มันแห้ง 1,217 กก./ไร่) และผลผลิตหัวสดเมื่ออายุ 12 เดือน 4,224 กก./ไร่ (มันแห้ง 1,404 กกศ/ไร่) องค์ประกอบทางเคมีของหัวสด : มีปริมาณกรดไซยานิค 3 ส่วนในล้าน (ppm) ความต้านทานต่อโรคและแมลง : มีความต้านทานต่อโรคใบไหม้ปานกลาง
ข้อควรระวัง
ถ้าเก็บเกี่ยวในฤดูฝน มีเปอร์เซ็นต์แป้งต่ํากว่า 20% และเนื้อมีสีครีม บางครั้งทําให้โรงงานตัดราคา
10) พันธุ์ระยอง 72
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 72
ประวัติ: ในปี 2540/2541 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง 6.7 ล้านไร่ และผลผลิตหัวสดรวม 15.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าที่ทํารายได้ให้แก่เกษตรกร 19,645 ล้านบาท และส่งออกทํารายได้ให้กับประเทศเป็นเงิน 16,877 ล้านบาท มันสําปะหลังจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สําคัญของประเทศไทย ส่วนใหญ่ของผลผลิตส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในรูปมันอัดเม็ด เพื่อเป็นอาหารสัตว์ตลอดจนใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ขนมขบเคี้ยว แป้งมันสําปะหลัง (starch) เม็ดสาคูที่ใช้ทําขนมหวาน ฯลฯ รวมทั้งการใช้แป้งดิบมันสําปะหลัง (flour) ในการทดแทนแป้งสาลีในอุตสาหกรรมขนมอบ ปัจจุบันพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังของประเทศมากกว่าร้อยละ 50 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย และไม่เป็นปัญหาในเรื่องการแปรรูป เกษตรกรจึงนิยมปลูก ดังนั้นการใช้พันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะเพิ่มผลผลิต และทํารายได้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกษตรกรมีปัญหาหรือขาดปัจจัยในการผลิตและมีอัตราการเสี่ยงในการลงทุนเพิ่มศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร ได้ให้ความสําคัญในการพัฒนา และปรับปรุงพันธุ์มันสําปะหลังมาโดยตลอด จนถึงขณะนี้ กรมวิชาการเกษตรได้รับรองและแนะนําพันธุ์มันสําปะหลังพันธุ์ดีให้ได้ใช้ประโยชน์แล้วรวม 6 พันธุ์ ได้แก่ ระยอง 1 ระยอง 2 ระยอง 3 ระยอง 60 ระยอง 90 และระยอง 5 เพื่อเป็นทางเลือกของเกษตรกร กล่าวได้ว่า พันธุ์มันสําปะหลังที่ปลูกในประเทศไทยเป็นพันธุ์ที่ได้มาจากการคัดเลือกตามวิธีการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีมาตรฐาน (conventional breeding) ทั้งสิ้นโดยทําการคัดเลือกโคลนพันธุ์ที่มีลักษณะดี ให้ผลผลิตสูงหลังจากการผสมข้ามระหว่างพันธุ์ที่มีลักษณะต่างๆ ดีไม่ได้เป็นพันธุ์มันสําปะหลังที่มีการตัดต่อหรือดัดแปลงสารพันธุกรรม (non-GMOs) จึงเชื่อได้แน่นอนว่า จะไม่มีปัญหาในตลาดประชาคมร่วมยุโรป (อียู) หรือตลาดต่างประเทศอื่นๆมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 72 เดิมคือโคลนพันธุ์ CMR33-57-81 ที่คัดได้จากการผสมข้ามระหว่างพันธุ์ระยอง 1 กับระยอง 5 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง หลังจากการคัดเลือกเบื้องต้นแล้ว นํามาประเมินผลผลิตและความดีเด่นตามขั้นตอนของการปรับปรุงพันธุ์ ในศูนย์วิจัยพืชไร่ สถานีทดลองพืชไร่ และแหล่งปลูกต่างๆ พบว่าเป็นพันธุ์ที่เหมาะสมที่จะปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ในจังหวัดมหาสารคาม บุรีรัมย์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด นครราชสีมา และกาฬสินธุ์ โดยได้ผ่านการพิจารณาจากกรมวิชาการเกษตรให้เป็นพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543
ลักษณะดีเด่น
-ให้ผลผลิตหัวสดเฉลี่ย 5.09 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐาน ระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 27 18 26 และ 16 ตามลําดับ หัวสดมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 21 เปอร์เซ็นต์
-ให้ผลผลิตแป้งเฉลี่ย 1.07 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐานระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 36 12 16 และ 7 ตามลําดับ
-ให้ผลผลิตมันแห้งเฉลี่ย 1.70 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์มาตรฐาน ระยอง 1 ระยอง 5 ระยอง 90 และเกษตรศาสตร์ 50 ร้อยละ 31 15 22 และ 12 ตามลําดับ
-เป็นพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดี ในสภาพแวดล้อมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้ผลผลิตหัวสดสูงถึง 5.55 ตันต่อไร่ ผลผลิตแป้ง 1.23 ตันต่อไร่ และผลผลิตมันแห้ง 1.91 ตันต่อไร่
-ท่อนพันธุ์ที่ใช้ปลูกมีความงอกดี ไม่มีปัญหาของโรคต้นเน่า จนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยมีความอยู่รอดถึงการเก็บเกี่ยวสูง 92 เปอร์เซ็นต์
-ลักษณะลําต้นดี คือ ทรงต้นดี แตกกิ่งเล็กน้อย ในระดับที่สูงจากโคนต้น ประมาณ 1 เมตรทําให้สามารถขยายท่อนพันธุ์ได้มากขึ้นเมื่อพิจารณาพื้นที่ปลูกมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินทราย พืชบางชนิด
ไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูง ประกอบกับเกษตรกรไม่มีเงินลงทุน ดังนั้น มันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 72
จึงเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดฝนอย่างต่อเนื่องนาน 1-2 เดือน แต่ยังสามารถ
เจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงแนะนําให้เกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปลูก
ซึ่งจะให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์มันสําปะหลังพันธุ์เดิมที่เคยใช้ปลูกและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรโดยตรง
11) พันธุ์ระยอง 90
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ระยอง 90
วันที่รับรอง : 8 กรกฎาคม 2534
ประเภทพันธุ์ : พันธุ์รับรอง
ประวัติ : ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ CMC76 และพันธุ์V43 ในปี 2521 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง หลังจากผ่านการคัดเลือกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองแล้ว นําไปเปรียบเทียบมาตรฐานพันธุ์ เปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่น เปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร และทดสอบพันธุ์ในไร่เกษตรกร ในสถานีทดลอง และไร่เกษตรกรจังหวัดต่างๆ
ลักษณะทางการเกษตร :
1. ผลผลิตหัวสด 3,810 กิโลกรัมต่อไร่
2. เปอร์เซ็นต์มันแห้ง 36.4 เปอร์เซ็นต์
3. ผลผลิตมันแห้ง 1,400 กิโลกรัมต่อไร
4. เปอร์เซ็นต์แป้ง 24.9 เปอร์เซ็นต์
5. ผลผลิตแป้ง 966 กิโลกรัมต่อไร่
6. ค่าดรรชนีการเก็บเกี่ยว 0.62
7. ปลูกได้ทั้งภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีดินค่อนข้างดี
ลักษณะเด่น
-ผลผลิตหัวสดสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ประมาณ 5% และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 3 ถึง 18%
-เปอร์เซ็นต์แป้งสูง คือเมื่อเก็บเกี่ยวในฤดูฝนมีแป้ง 24.9% พันธุ์ระยอง 1 มีแป้ง 8.4%พันธุ์ระยอง 3 มีแป้ง 24.2% และพันธุ์ระยอง 60 มีแป้ง 20.2%
-ให้ผลผลิตแป้งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ถึง 43% และพันธุ์ระยอง 3 ถึง 21% และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 60 ถึง 17%
-ให้ผลผลิตมันแห้งสูงกว่าพันธุ์ระยอง 1 ถึง 23% สูงกว่าพันธุ์ระยอง 3 ถึง 20% และสูงกว่าพันธุ์ระยอง 60 ถึง 4%
ข้อควรระวัง
1. ไม่เหมาะสมกับแหล่งที่มีแมลงหวี่ขาวแพร่ระบาด
2. ต้นพันธุ์ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 สัปดาห์ก่อนนําไปปลูก เพราะจะเสื่อม
12) พันธุ์ห้วยบง 60
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60
มันสําปะหลังห้วยบง 60 เป็นมันสําปะหลังที่พัฒนาขึ้นมา โดยความร่วมมือของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย พันธุ์นี้เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ระยอง 5 และเกษตรศาสตร์50 ตั้งแต่ พศศศ 2534 ทําการคัดเลือกและทดสอบตั้งแต่ พ.ศ 2535-2544 มีคุณสมบัติดีเด่นที่ให้ผลผลิตสูงและเชื้อแป้งในหัวสูงด้วย และได้รับพระราชทานชื่อพันธุ์ว่า “ห้วยบง 60” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์พระราชูปถัมภ์ของมูลนิธิฯ
ประวัติ : มันสําปะหลังพันธุ์ “ห้วยบง 60” นี้ เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ระยอง 5 และพันธุ์เกษตรศาสตร์50 โดยผสมพันธุ์ที่สถานีวิจัยศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในปี พศศศ 2534 ซึ่งมีขั้นตอนในการคัดเลือกและทดสอบ ดังนี้
-พ.ศ 2535-2541 คัดเลือก ไว้5 สายพันธุ์ ตามขั้นตอนของการปรับปรุงพันธุ์มันสําปะหลัง จากทั้งหมดของคู่ผสมนี้963 สายพันธุ์
-(ต้น) พ.ศ 2541-2545 ทําการทดสอบและเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่น และในไร่เกษตรกร จํานวน 30 แปลงทดลองใน 10 จังหวัด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ระยองกาญจนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น และชัยภูมิ จากผลการทดลองทั้งหมดพบว่า สายพันธุ์ MKUC 34-114-206 เป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง และมีเชื้อแป้งในหัวสูงและแป้งมีคุณภาพดี ลักษณะต้นพันธุ์งอกดี สมควรแนะนําส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย จึงขอพระราชทานชื่อ สายพันธุ์ MKUC 34-114-206 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า “ห้วยบง 60” “ห้วยบง” แสดงถึงศูนย์วิจัยและพัฒนามันสําปะหลังของมูลนิธิสถาบันมันสําปะหลังแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตําบลห้วยบง อําเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และเป็นศูนย์ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดําเนินทรงเยี่ยมชมและประทับแรม เมื่อวันที่ 1-2 กันยายน 2537 “60” แสดงถึง ปีที่ครบรอบ 60 ปี ของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 2
กุมภาพันธ์ 2546
ลักษณะเด่น
ลักษณะของพันธุ์ “ห้วยบง 60” จะใกล้เคียงกับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 มาก ที่แตกต่างกันเพียงพันธุ์ “ห้วยบง 60” มียอดสีม่วงอ่อน และแตกกิ่งแรกที่ความสูงระดับ 90-140 เซนติเมตร ขณะที่พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 มียอดสีม่วงเข้ม และแตกกิ่งน้อยกว่า โดยลักษณะอื่นๆ ของพันธุ์ “ห้วยบง 60” มีดังนี้
1. เปอร์เซ็นต์ความงอกและความอยู่รอดสูง
2. ต้านทานโรคใบจุดปานกลาง
3. ให้ผลผลิตหัวสดและหัวแห้งสูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ประมาณ 8-10 เปอร์เซ็นต์โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 5.0-6.4 ตัน/ไร่
4. ปริมาณแป้งในหัวสูงใกล้เคียงกับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 โดยให้ปริมาณแป้งในหัวเฉลี่ย 25.4 เปอร์เซ็นต์
5. การที่มีผลผลิตและปริมาณแป้งสูงทําให้ได้ผลผลิตแป้งต่อไร่สูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 อยู่ 11 เปอร์เซ็นต์
6. มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่แป้ง ที่ละลายน้ําได้ (เช่น น้ําตาล) อยู่ต่ํา ซึ่งจะทําให้ได้ปริมาณแป้งต่อหัวมาก เพราะการมีน้ําตาลมากจะทําให้แป้งที่จะสกัดได้จากหัวมันสําปะหลังลดลง
7. แป้งมีความหนืดสูง สามารถนําไปใช้กับอุสาหกรรมต่อเนื่องได้หลายชนิด
ข้อแนะนําในการปลูก
มันสําปะหลังพันธุ์ “ห้วยบง 60” นี้ สามารถขึ้นได้ดีในดินปลูกมันสําปะหลังทั่วไป อย่างไรก็ตามแต่ละท้องที่การปรับตัวของพันธุ์ต่อสภาพแวดล้อมจะต่างกัน เมื่อได้รับพันธุ์ “ห้วยบง 60” นี้แล้วควรจะทดลองปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์ดีพันธุ์อื่นที่ใช้อยู่ หากได้รับผลผลิตสูงกว่า และลักษณะอื่นเป็นที่พอใจจึงขยายปลูกเป็นจํานวนมาก นอกจากนั้น การที่จะปลูกให้ได้ผลผลิตสูงควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-7-18 (เป็นปุ๋ยสําหรับยางพารา) หรือสูตร 16-8-16 หรือ 15-15-15 อัตรา 25-50 กิโลกรัม/ไร่ หลังปลูก 1-2 เดือน (ในขณะที่ดินมีความชื้น) หรือใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 500-1,000 กิโลกรัม/ไร่ หว่านก่อนพรวนดินปลูก และไม่ควรเก็บเกี่ยวมันอายุน้อยกว่า 10 เดือน
หมายเหตุ : เกษตรกรสามารถผสมปุ๋ยสูตร 16-8-16 แทน ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ขึ้นมาใช้เองโดยใช้
(1) ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) จํานวน 12 กิโลกรัม
(2) ปุ๋ยแด๊ป (15-46-0) จํานวน 9 กิโลกรัม รวม 35 กิโลกรัม
(3) ปุ๋ยม๊อป (0-0-60) จํานวน 14 กิโลกรัม 18 จะได้ปุ๋ย 35 กิโลกรัม ที่มีธาตุอาหารเท่ากับปุ๋ยสูตร 16-8-16 จํานวน 50 กิโลกรัม (1 กระสอบ)
ลักษณะประจําพันธุ์
ความสูง 180-250 ซมศ ยอดสีม่วงอ่อนและไม่มีขนอ่อน ก้านใบเขียวอมม่วง ลําต้นสีเขียวเงินเปลือกหัวน้ําตาล สีเนื้อหัวมีสีขาว
13) พันธุ์ห้วยบง 80
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์ห้วยบง 80
มันสําปะหลังพันธุ์ ห้วยบง 80 เป็นมันสําปะหลังที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของนักวิจัยจากภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย พันธุ์นี้เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ระยอง 5 และเกษตรศาสตร์ 50 เริ่มแนะนําพันธุ์
ให้เกษตรกรปลูกตั้งแต่ปี 2551 พันธุ์ห้วยบง 80 คําว่า “ห้วยบง” หมายถึงตําบลที่ตั้งของสถาบันพัฒนามันสําปะหลัง
ส่วน “80” หมายถึง การเฉลิมฉลองพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประวัติ: มันสําปะหลังพันธุ์“ห้วยบง 80” เป็นมันสําปะหลังพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ระยอง 5 และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 โดยมีขั้นตอนการคัดเลือกและทดสอบ ณ สถานีวิจัยศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในปี 2535 ดังนี้ พ.ศ 2535-2537 ทําการปลูกคัดเลือกเหลือ 204 สายพันธุ์พ.ศ 2538-2541 ปลูกเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น เปรียบเทียบในท้องถิ่น พ.ศ 2542-2549 ปลูกเปรียบเทียบในท้องถิ่นและในไร่เกษตรกร รวมทั้งหมด 70
แปลงปลูกทดลองใน 10 จังหวัด พันธุ์นี้มีลักษณะเด่นที่มีแป้งเฉลี่ยสูงถึง 27.3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 และห้วยบง 60 ผลผลิตหัวสดใกล้เคียงกับพันธุ์ห้วยบง 60 แต่สูงกว่าพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 มีลักษณะทรงต้นสูงแตกกิ่งน้อย เหมาะสมกับการปลูกของเกษตรกร ตลอดจนผลผลิตหัวสดเหมาะกับการใช้แปรรูปทํามันเส้นทําแป้งมันสําปะหลัง และผลิตเอทานอล แต่ไม่เหมาะกับการบริโภคโดยตรงเนื่องจากมีปริมาณไซยาไนด์สูงมันสําปะหลังพันธุ์ “ห้วยบง 80”เป็นพันธุ์ที่ยื่นจดทะเบียนรับรองสิทธิบัตรต่อกรมวิชาการเกษตรภายใต้ พศรศบศ คุ้มครองพันธุ์พืช พศศศ 2542 ในนามของมูลนิธิพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ห้ามนําพันธุ์นี้ไปส่งปลูกยังต่างประเทศ หรือการค้าขายพันธุ์ดังกล่าว เป็นสิทธิของมูลนิธิพัฒนามันสําปะหลังแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ลักษณะเด่น
-ให้ผลผลิตหัวสดสูงใกล้เคียงกับพันธุ์ห้วยบง 60 โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.9-5.5 ตัน/ไร่
-ปริมาณแป้งในหัวสดเฉลี่ยสูง 27ศ3 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าพันธุ์ห้วยบง 60 และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 เปอร์เซ็นต์ความงอก และความอยู่รอดสูง
-ลําต้นสูงและมีการแตกกิ่งน้อย สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว และเก็บต้นพันธุ์เพื่อใช้ปลูกต่อไปและสามารถนําไปปลูกในระยะปลูกถี่ขึ้น
-ผลผลิตตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้ดี เหมาะกับการส่งเสริมในเขตที่มีศักยภาพ ผลผลิตสูงหรือเหมาะกับเกษตรกรก้าวหน้า
-มีแป้ง มันแห้ง และไซยาไนด์ในหัวสูง เป็นพันธุ์ที่เหมาะสําหรับใช้แปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งมันเส้น และเอทานอล
-แป้งมีความหนืดสูง สามารถนําไปใช้กับอุตสาหกรรมทั่วไป
ลักษณะของสายพันธุ์
จะแตกกิ่งน้อยและลําต้นค่อนข้างจะตรงมากกว่าพันธุ์ห้วยบง 60 และพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ทําให้สะดวกต่อการตัดเก็บต้นพันธุ์และสามารถเพิ่มจํานวนต้นปลูกต่อไร่ให้สูงขึ้นได้(ถี่ขึ้น) นอกจากนั้น การที่จะปลูกให้ได้ผลผลิตสูงควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-7-18 หรือสูตร 16-8-16 หรือ 15-15-15 อัตรา 25-50 กิโลกรัม/ไร่ หลังปลูก 1-2 เดือน (ในขณะที่ดินมีความชื้น) หรือใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 500-1,000 กิโลกรัม/ไร่ หว่านก่อนพรวนดินปลูก และไม่ควรเก็บเกี่ยวมันสําปะหลังอายุน้อยกว่า 10 เดือน
14) พันธุ์มันห้านาที
ลักษณะของมันสําปะหลังพันธุ์พันธุ์มันห้านาที
เป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีปลูกมานานในประเทศไทย (คาดว่ามาจากทางภาคใต้ ผ่านมาทาง
ประเทศมาเลเซีย) โดยไม่ทราบเวลานําเข้าที่แน่นอน มีการปลูกจํานวนเล็กน้อยเพื่อใช้รับประทาน
ลักษณะเด่น
เนื้อหัวร่วน เหมาะสําหรับทําขนม เช่น เชื่อม ย่าง
ผลผลิตและคุณภาพ
ผลผลิตค่อนข้างต่ํา 1,500-2,000 กิโลกรัมต่อไร่ ปลูกในสภาพสวนจะมีคุณภาพของหัวดีกว่าปลูกในสภาพไร่ กรดไฮโดรไซยานิคในหัวค่อนข้างต่ํา
ลักษณะประจําพันธุ์
– ลําต้นตรง สูง แตกกิ่งสูง ก้านใบสีแดง ใบกว้าง ยอดอ่อนสีเขียว
– ลําต้นสีน้ําตาลเข้ม หัวเปลือกนอกสีน้ําตาลเข้ม เนื้อในสีขาว เปลือกในสีม่วง รูปร่างหัวเรียวยาวเปลือกปอกง่าย
การเก็บเกี่ยว
ในสภาพไร่ ไม่ควรเก็บเกี่ยวอายุเกิน 10 เดือน เพราะจะมีเส้นใยมาก ในสภาพสวนเก็บเกี่ยวอายุ 8 เดือน
ความต้านทาน
ต้านทานโรคปานกลาง
ฤดูปลูกที่เหมาะสม
ฤดูฝนเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
(ที่มา: กรมวิชาการเกษตร อ้างใน http://web.sut.ac.th/cassava/?name=1cas_source/cas_source/)
แหล่งที่มา: สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดนครสวรรค์
รูปแบบองค์ความรู้: เอกสารเผยแพร่ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ลิงก์: https://www.opsmoac.go.th/nakhonsawan-dwl-files-431691791796